| รหัสพระเครื่อง |
MT1030937 |
| ชื่อพระเครื่อง |
แพะงาช้างแกะ หลวงพ่ออํ่า วัดหนองกะบอก ศิลป์ลุงพลับ แกะมาจากงาช้างที่โดนฟ้าผ่าตาย ทำให้ไม่เหมือนงาช้างแกะของหลวงพ่อท่านอื่นทั่วเมืองไทย มีแต่ของหลวงพ่ออํ่า วัดหนองกะบอก วัดนี้แห่งเดียวเท่านั้น |
| ราคา |
โชว์พระ
|
| รายละเอียด |
ในแวดวงการสะสมของเก่าของโบราณ เช่น....... นาฬิกาเก่า....... เครื่องลายคราม....... รูปภาพ....... หรือของเก่าอย่างอื่นอีกมากมาย....... ผู้ที่จะสะสมของเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้เป็นอย่างดีว่า....... ของแท้ที่เราจะสะสมนั้น .......ส่วนประกอบทั้งหมด.........ผลิตขึ้นมาจากวัสดุอะไร....... ลักษณะพิมพ์ทรงต่างๆ ของแท้จะต้องเป็นแบบใหน........ ความเก่าจริงของชิ้นนั้น........ ถ้าเป็นของแท้จะต้องมีลักษณะเป็นอย่างไร.........และรายละเอียดต่างๆอีกมากมาย.......... สรุปว่าต้องดูเป็น.......และต้องดูให้ขาดด้วย........ ถ้าเราไม่มีความรู้ในจุดสำคัญต่างๆทุกจุดในของที่เราจะสะสม แน่นอนครับ....... เราต้องเจอของทำเทียมเลียนแบบอย่างแน่นอน....... เพราะว่าของเก่าที่มีราคา......... ทุกชนิดในโลกนี้....... ล้วนแล้วแต่มีของทำเทียมเลียนแบบทั้งสิ้น........ ในวงการเครื่องรางของขลังในเมืองไทย ก็เป็นไปในลักษณะที่เหมือนกัน....... มีการทําเทียมเลียนแบบเช่นเดียวกัน....... มีทำกันตั้งแต่พระราคาหลักร้อยบาทถึงราคาหลักล้านบาท....... แต่ถ้าหากเราดูเป็นหรือดูขาด....... ก็ไม่เป็นการเสี่ยงเลย........ที่เราจะซื้อเช่าหามาบูชา..........ในที่นี้จะพูดถึง......... แพะงาแกะ หลวงพ่ออํ่า วัดหนองกะบอก จังหวัดระยอง ....... ผู้ที่จะเช่าหามาบูชาใส่คล้องคอ....... เพื่อเกิดพุทธคุณ....... ของแพะหลวงพ่ออํ่า ....... ผู้เช่ามีความจำเป็นที่จะต้องดูศิลป์ให้ออก.......... อ่านศิลป์ให้ขาด......... และที่สำคัญมากที่สุดเราจะต้องรู้ว่าเครื่องรางชิ้นนั้นสร้างขึ้นมาจากวัสดุอะไร....... เช่นเสือหลวงพ่อปาน....... นั้นสร้างมาจากเขี้ยวเสือ....... สิงห์หลวงพ่อเดิม สร้างมาจากงาช้างปกติ........ แพะหลวงพ่ออํ่า......... สร้างมาจากเขาควายที่โดนฟ้าผ่าตาย....... และ....... ยังมีแพะหลวงพ่ออํ่าที่สร้างมาจากงาช้างที่โดนฟ้าผ่าตายอีกด้วย............สำหรับการดูแพะงาช้างแกะของหลวงพ่ออํ่านั้นไม่ยากเลยครับ....... เพราะว่างาช้างที่ถูกฟ้าผ่านั้น.........มีเอกลักษณ์ของการเปลื่ยนแปลง.........ที่เป็นเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร......... และไม่สามารถทำเทียมเลียนแบบได้ .........ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาไปเข้ากล้องขยายระดับสูง......... หรือ......... เอาไปตรวจคาร์บอน 14 ..........เพื่อดูอายุของเนื้องา.......... เราแค่ส่องดูด้วยกล้องส่องพระธรรมดาทั่วๆไป ..........ก็สามารถดูออกแล้วว่าใช่หรือไม่ใช่............เพราะว่า .......... แพะงาช้างแกะของหลวงพ่ออํ่านั้น............. หลวงพ่ออํ่าท่านจะใช้งาช้างที่ถูกฟ้าผ่าตายเท่านั้น........... จึงจะเข้าตรงตามตำราของท่าน...........งาช้างปกติทั่วไปหลวงพ่ออํ่าท่านจะไม่นำมาใช้ครับ........... เช่นเดียวกันกับแพะเขาควายที่ต้องถูกฟ้าผ่าตายเท่านั้นเหมือนกัน.........การจะดูเนื้อแพะงาช้างแกะของ.........หลวงพ่ออํ่าว่าจะเป็นอย่างไรนั้น............ ก่อนอื่นเราจะต้องมาดูลักษณะและคุณสมบัติของงาช้างปกติ...........และงาของช้างที่ถูกฟ้าผ่าตายว่า..........จะมีการเปลื่ยนแปลงอย่างไรบ้างหลังจากถูกฟ้าผ่า ............................ ลักษณะและคุณสมบัติของงาช้าง.........งาช้างจะฝังอยู่ในช่องส่วนหัวของช้าง....... ตอนโคนงามีช่องว่าง.......ซึ่งในช่องว่างนี้ประกอบไปด้วยเนื้อและประสาทที่ทำหน้าที่สร้างงาช้างให้ค่อยๆยาวใหญ่ขึ้น ....... ส่วนปลายงาแข็งตัน....... งาช้างพันธุ์ต่างๆ....... จะมีคุณสมบัติต่างกัน....... ในแง่ความแข็ง สี และความมัน........ ความทนทานต่อการเปลื่ยนแปลงของอุณหภูมิ........ งาช้างเอเชียเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้ง่าย เหมาะแก่การแกะสลัก....... เพราะมีเนื้ออ่อนและเหนียว ........ เมื่อนำงาช้างมาตรวจดู....... ด้านตัดขวาง จะเห็นเป็นสีขาวนวล เนื้อเนียนเป็นมัน มีลายรูปตาข่ายเล็กๆ........ ส่วนทางด้านตัดตามยาวของงาช้าง .......เมื่อมองผ่านกล้องขยาย....... จะเห็นท่อเล็กๆอยู่มากมาย......... เป็นท่อนํ้าเลี้ยงของงาช้างนั่นเอง......... ภายในท่อนี้จะมีความชื้นอยู่เล็กน้อย ....... การที่งาช้างด้านตัดยาวมีท่อนํ้าเลี้ยงซึ่งประกอบด้วยท่อเล็กๆซึ่งมีสารอินทรีย์กระจายอยู่ทั่วไป...........ทำให้งาช้าง.......... มีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูง.. ........สะดวกต่อการแกะสลัก........... อีกทั้งทำให้งาช้างมี............ลักษณะละเอียดเนียนเป็นเงามัน........... งาช้างไทยจะมีเพียงสองสี คือสีขาวนวลออกเหลือง และสีขาวด้าน........... หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า........ งาขนาย .......งาขนายนี้พบเจอน้อยมาก เพราะจะเป็นงาที่เกิดแต่ช้างตัวเมียเท่านั้น.................................................................ฟ้าผ่าคือ....... การปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าปริมาณมหาศาล........... พร้อมกับแสงจ้าตามด้วย.......... เสียงกัมปนาทของฟ้าร้อง ..........กระแสไฟฟ้าที่เกิดจากฟ้าผ่า ...........จะมีแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 100 ล้านโวลท์ถึง 6000 ล้านโวลท์ ........... และมีกระแสไฟฟ้าประมาณ 30000 แอมแปร์ ถึง 300000 แอมแปร์........ มีอุณหภูมิประมาณ 15000 ถึง 20000 องศาเซลเซียส.........อุณหภูมิที่สูงขนาดนี้สามารถละลายทรายให้กลายเป็นเนื้อแก้วได้ในทันที ............. จะเกิดพลังงานประมาณ 500 ล้านจูล ....... สายฟ้าเดินทางด้วยความเร็วประมาณ 220000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง............ สามารถวิ่งผ่านร่างกายของคนและสัตว์ด้วยเวลา 1/ 10000 ถึง 1/ 1000 วินาที .......... ( ค่าต่างๆเหล่านี้จะเปลื่ยนแปลงเมื่อสายฟ้าอยู่ห่างจากวัตถุ ใกล้ไกลระดับใด )....... ด้วยค่าต่างๆที่สูงขนาดนี้ จะส่งผลอย่างรุนแรงต่อ วัตถุ คน หรือสัตว์....... ทำให้เกิดการเผาไหม้ต่อวัตถุนั้น.............. จนทำให้วัตถุนั้นเผาไหม้จนหมดสภาพ ......... หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ....... ดําเป็นตอตะโก ..............และด้วยแรงดันไฟฟ้า....... กระแสไฟฟ้า .......แอมแปร์....... และอุณหภูมิ .......ของสายฟ้าผ่าที่มีค่าสูงขนาดนั้น....... เมื่อได้ผ่าลงมาที่ตัวช้าง........ จะเกิดการเผาไหม้อย่างรุนแรง.......... จนทำให้ช้างเชือกนั้นดำเป็นตอตะโก........... เราจะพูดถึงสภาพของงาที่ถูกฟ้าผ่า........ ในส่วนของงาช้างส่วนที่ฝังอยู่ในช่องส่วนหัวนั้น........ ส่วนมากจะเสียหายดำไหม้จนไม่สามารถนำมาใช้ทำอะไรได้ ........ ส่วนงาช้างที่เหลือจะมีความเสียหายจาก ........สายฟ้าผ่า....... ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล........ กลายเป็นที่เราเรียกกันว่า.........งาสุก .......หรือ....... งาตาย........ งาสุกที่ว่านี้เนื้องามันจะสุกเท่ากันทั้งผิวนอก และ เนื้อใน....... การเปลี่ยนสภาพเป็นงาสุกแบบนี้......... เราสามารถที่จะเอางาช้างกิ่งนั้น......... มาแบ่งเป็น 5 - 6 ท่อน .........ช่วงงาท่อนที่ใกล้กับส่วนหัวของช้าง........ จะเป็นงาส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดที่สุด........ ไล่จากมากไปหาน้อยถึงในส่วนปลายงา........ งาช้างที่ถูกฟ้าผ่านี้จะเปลี่ยนลักษณะ และ คุณสมบัติของงาปกติไปตลอดกาล........ ไม่หวนคืน ........ โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้.......... 1. เนื้องาจะกรอบและแตกหักง่าย............ไม่มีความยืดหยุ่น........ การแตกลายงา........จะแตกได้ทุกทิศ ........ทั้งด้านยาว........ ด้านขขวาง......... และด้านเฉียงในทุกองศา................... 2. ท่อนํ้าเลี้ยงตามยาวของเนื้องา............จะเสียสภาพไปจากเดิม............ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจาก......... ภายในท่อนํ้าเลี้ยงเหล่านี้มีความชื้นเล็กน้อยอยู่ภายในท่อ............ทำให้กระแสไฟ........... และค่าต่างๆของสายฟ้าสามารถวิ่งผ่านเข้าไปได้........................... 3. สีของงาไม่ว่าจะเป็นเนื้อตามผิวหรือเนื้องาภายใน.......... ส่วนมาก 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ของงาช้างกิ่งนั้น........... สีของงาที่ถูกฟ้าผ่า............สีจะไม่มีการเปลี่ยนไปตลอดกาล ..................... 4. ตามผิวของเนื้องาไม่สามารถจะดูดอมสีได้เหมือนงาปกติ............. ถึงแม้เนื้องาจะไม่สามารถดูดอมสีได้ ............ แต่เมื่องาที่แกะเป็นตัวแพะออกมาแล้วเป็นเวลานาน.............. จะมีสีเหลืองของงาจากภายในผุดขึ้นตามรูพรุนเล็กๆของเนื้องา............ มาเคลือบอยู่ตามผิวของแพะ.......... ในบริเวณที่ถูกสัมผัสจากมือและเหงื่อที่อุณหภูมิของคนปกติ ........... แต่เป็นสีที่แค่เคลือบอยู่ตามผิวเท่านั้น......... เราสามารถใช้นํ้ายาทินเนอร์... ........หรือ............. ใช้ไม้ปาดสีเหล่านี้ให้หลุดออกมาได้ ................ สีที่ผุดออกมาจากภายในจะมีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับสารอินทรีย์ภายในของเนื้องาชิ้นนั้น............ สีงาที่เราเช็ดหลุดออกมาแล้ว ............สีผิวของงาจะเป็นสีเดิมที่เคยเป็นไม่มีการเปลี่ยนแปลง.............. และเมื่อมีการสัมผัสจับไปจับมา............ ต้องใช้เวลาอีกนานสีภายในของเนื้องาถึงจะค่อยๆผุดขึ้นมาตามรูพรุนเล็กๆของผิวงานั้นอีก..............................วันนี้ผมนำแพะงาช้างโดนฟ้าผ่าตาย......... หลวงพ่ออํ่า.......... ศิลป์ครูพลับแกะ....... มาให้ชมเพื่อศึกษา 4 ตัว 4 หน้า...............................แพะตัวที่หนึ่ง เป็นเป็นแพะหนุ่มรูปหล่อ............ เราจะเห็นว่าแพะตัวนี้โชว์ผิวที่มีท่อนํ้าเลี้ยงที่ถูกทำลายจากสายฟ้าเด่นชัดมากที่สุด ............. เป็นรูพรุนไปเกือบทั้งตัวด้านขวาของตัวแพะ................ รูพรุนที่เห็นนี้ ถ้าเราเอาเข็มเล็กๆค่อยๆไชเข้าไปในรูพรุนนี้........จะมีคล้ายงาป่นร่วงออกมา.......... คล้ายเม็ดทรายเล็กๆละเอียด..........ถ้าเจาะไชเข้าไปเรื่อยๆคงทะลุไปออกกลางหลังแพะแน่นอน.......... แพะตัวนี้มีรอยจางๆของท่อนํ้าเลี้ยงตามยาวของตัวแพะอยู่ค่อนข้างมาก............... สีของตัวแพะมีบางตำแหน่งที่เราสามารถใช้นํ้ายาทินเนอร์เช็ดสีให้หลุดออกมาได้................. และมีบางตำแหน่งก็ไม่สามารถเช็ดสีให้หลุดออกได้...........งาที่ใช้แกะแพะตัวนี้น่าจะเป็น .........ชิ้นงาที่อยู่ใกล้ส่วนหัวช้าง........................................แพะตัวที่สอง .........( แกะเป็นพญาแพะ แกะศิลป์เคราย้อน ) แพะตัวนี้แสดงให้เราเห็นว่า.......... เนื้องามีการแตกรานไปได้ทั้งทางตรงและทางขวางที่่่่่่่่่่่่่ผิดไปจากงาปกติ............ เห็นร่องรอยจุดของท่อนํ้าเลี้ยงกระจายอยู่ทั่วไป........................................................แพะตัวที่สาม ตัวนี้มีลักษณะที่ใกล้เคียงกับแพะตัวที่สอง................... สังเกตุดูจะเห็นสีของงาที่เคลือบอยู่ตามผิว ได้หลุดจางออกไป ...........................................................แพะตัวที่สี่ ...........(แพะหนุ่มเจ้าสำอางค์ หุ่นเท่ห์ๆ ).......... แพะตัวนี้แสดงถึงการแตกรานของงา...........ที่แตกต่างไปจากงาปกติ.............. มีสีเหลืองนวลของงา..........ที่ผุดขึ้นมาเคลือบผิว ........... ออกมาเป็นสีเหลืองทอง......... สวยงามมาก ............มีบางตำแหน่งของสีที่จางออกไป ............ มีร่องรอยของท่อนํ้าเลี้ยงอยู่ไม่มากนัก ....................................สรุป แพะงาแกะ ของหลวงพ่ออํ่า วัดหนองกะบอก.......... ที่แกะมาจากงาช้างที่โดนฟ้าผ่าตาย........... จะไม่เหมือนงาช้างปกติทั่วไป............ จะมีลักษณะและคุณสมบัติเหล่านี้........หนึ่ง. จะมีร่องรอยของท่อนํ้าเลี้ยง.......... สอง. งาจะกรอบสามารถแตกรานได้ทุกทิศทาง.......... สาม. จะมีสีของงาผุดขึ้นมาตามรูพรุนเล็กๆ เคลือบผิวงาอยู่.......... สี่. สีของเนื้องาจะไม่มีการเปลี่ยนสีไปตลอดกาล เพราะว่าเป็นเนื้องาที่ตายแล้ว........... แพะงาช้างแกะของหลวงพ่ออํ่า............ จะมีลักษณะและคุณสมบัติตามที่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามนี้.......... หนึ่งอย่าง...... สองอย่าง....... หรืออาจมีถึงสามสี่อย่างรวมอยู่ในตัวเดียวกัน............ แพะงาแกะหลวงพ่ออํ่า.............ถ้าเป็นศิลป์ลุงพลับแกะ .........จะไม่มีแพะตัวใหนที่มีแบบเหมือนกัน............... แพะทุกตัวต่างมีหนึ่งเดียวเท่านั้น...........จะต้องไม่มีแบบซํ้ากันเด็ดขาด.............ทั้งเนื้องาช้างและเนื้อเขาควาย............เห็นได้ชัดเจนว่าแพะเนื้องาแกะของหลวงพ่ออํ่า.............ไม่สามารถทำเทียมเลียนแบบได้.............ทั้งเนื้อวัสดุที่นำมาใช้แกะแพะเพราะ.............ต้องใช้เนื้องาช้างที่ต้องถูกฟ้าผ่าตายเท่านั้น............... เนื้องาช้างแบบนี้ก็หายากมากอยู่แล้ว .............. ทั้งยังต้องแกะเป็นตัวแพะ..............ที่ต้องโชว์ผิวออกมาได้สัมผัส..............กับอุณหภูมิและ.......ไอความร้อน.......ความเย็น.......ความชื้นของอากาศ..... สลับกันไปมา......... เป็นร้อยปีหรือร่วมร้อยปี .............. ผิวของงา........ร่องรอยของท่อนํ้าเลี้ยง........เม็ดสีที่ผุดขึ้นมาและ.......รอยแตกราน........ถึงจะปรากฎให้เห็นเด่นชัด............ อย่างเป็นธรรมชาติแบบนี้ ..............อีกทั้งศิลปะการแกะของลุงพลับ.............ก็เป็นงานแกะที่ไม่สามารถเลียนแบบได้............ ถึงแม้จะพยายามแกะยังไงก็แกะเพี้ยนครับ........เหมือนเซียนสายตรงพระเครื่องของแต่ละหลวงพ่อ.............เมื่อเซียนสายตรงเหล่านี้ได้พระมา.............ถ้าเป็นพระเก๊แค่วางดูบนฝ่ามือหรือ.......ดูจากรูปที่ถ่ายชัดๆ.............พระบางองค์แทบไม่ต้องลงกล้องเลย.............. เซียนคนนี้ก็รู้แล้วว่าพระองค์นี้มันผิดพิมพ์เพี้ยนไปจากของแท้............. เค้าวางเลยครับไม่ต้องดูต่อ..............เช่นเดียวกันกับศิลป์การแกะของลุงพลับถ้าศิลป์เพี้ยน.............สำหรับสายตรงทางด้านอ่านศิลป์.......ด้านนี้จะดูออกทันที..............ดูออกได้แบบง่ายมากๆ ...........แพะงาแกะทุกตัวที่แกะเสร็จแล้ว........จะไม่มีร่องรอยของเครื่องมือปรากฎอยู่บนตัวแพะ..........ไม่ว่าจะเป็นรอยแทงรอยเซาะรอยขูดหรือรอยปาด.............. เพราะว่าเมื่อลุงพลับแกะแพะเสร็จแล้ว ............ ลุงพลับจะเคลียร์ผิวของแพะให้เนียนเรียบเหมือนผิวของลูกแก้วทั้งตัว ........จะปรากฎให้เห็นก็แต่รอยมีดที่ปาก......ที่เครา........ที่เท้าแพะ.......ที่ลำคอล่าง.......และที่เครื่องเพศทางด้านหลังเท่านั้น...............น้อมรับทุกความเห็นต่างที่มีเหตุผล..........ผมมีหน้าที่แค่.........ทำความเห็นให้ตรง.........ตามที่ได้บอกกล่าวต่อหลวงพ่อไว้เท่านั้น.......... ขอขอบคุณข้อมูลจาก.........สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ ........... ศูนย์วิจัยโรคสัตว์....... และ........... งานนิติพยาธิ สถาบันนิติเวชวิทยา
|
| เข้าชมร้าน |
เล็ก หนุมาน
|
| โทรศัพท์ |
089 - 0364155 , 089 - 0364155 |
| ผู้เข้าชม |
8502 |
| *** พระเครื่อง มณเฑียร *** |
|
|
หน้าพระมณเฑียร
