** คมเลนส์ส่องพระ วันนี้ยังมีภาพ พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ เนื้อว่าน รุ่นแรก ปี ๒๔๙๗ พิมพ์ใหญ่ เอ หัวมีขีด มาให้ชมกันอีก ๔ องค์ เป็นพระองค์แชมป์มาตั้งแต่ในอดีต เพราะความสวยสมบูรณ์คมชัดลึกในทุกซอกมุม จนทุกวันนี้กลายเป็นพระในตำนานไปแล้ว เจ้าของเก็บเงียบไม่ยอมนำออกมาประกวด หรือแขวนโชว์ใครอีกเลย เป็นพระหลักล้านที่เป็นความภูมิใจของชาวใต้...พระหลวงพ่อทวด พิมพ์ใหญ่ เอ หัวมีขีด ถือเป็นพิมพ์นิยมสูงสุดในสาย พระหลวงพ่อทวด ซึ่งสมัยก่อน พระหลวงพ่อทวด พิมพ์ใหญ่ ลึก ถือเป็นพิมพ์นิยมสูงสุด เพราะมีความสวยงามคมชัดมาก แต่เนื่องจากจำนวนพระมีน้อยกว่า พิมพ์ใหญ่ เอ หัวมีขีด ซึ่งมีลักษณะองค์พระล่ำใหญ่และบึกบึนมีความสง่างามกว่า จึงได้มีการจัดอันดับใหม่ให้ พิมพ์ใหญ่ เอ หัวมีขีด เป็นพิมพ์นิยมสูงสุด แทนที่ พิมพ์ใหญ่ ลึก ซึ่งจัดเป็น พิมพ์ บี จนถึงทุกวันนี้...ภาพ พระหลวงพ่อทวด ทั้ง ๔ องค์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ หนังสือ “คัมภีร์ล้ำค่า หลวงพ่อทวด” ฉบับพิเศษ ซึ่งจัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นรางวัลพระชนะเลิศแต่ละรายการใน งานประกวดพระ จัดโดย กองบัญชาการกองทัพไทย ในวันอาทิตย์ที่ ๒๘ เมษายนนี้ ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ รายการพระที่จัดประกวดมีครบทุกประเภทรวม ๒,๒๖๓ รายการ สำหรับ หนังสือ “คัมภีร์ล้ำค่า หลวงพ่อทวด” เล่มนี้มีความหนา ๕๕๐ หน้า ปกแข็ง พิมพ์สี่สีทั้งเล่ม พร้อมกล่องใส่อย่างสวยงาม ในเล่มนอกจาก พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ แล้วยังมีภาพ พระหลวงพ่อทวด ยอดนิยม ที่ออกจากวัดอื่นๆ อีกมากมาย ถือเป็นคู่มือสำหรับการสะสม พระหลวงพ่อทวด ที่ถูกต้องอย่างแท้จริง ท่านที่สนใจหนังสือเล่มนี้สอบถามได้ที่โทร.๐๘-๖๙๙๕-๕๕๔๑
** ก่อนหน้าที่จะมีการสร้าง เหรียญเม็ดแตง หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ นั้น ทางวัดโดย พระอาจารย์ทิม ได้สร้าง แหวนหลวงพ่อทวด สำหรับสวมใส่นิ้วมือมาก่อน แต่ผู้คนส่วนส่วนหนึ่งไม่นิยมสวมใส่นิ้วมือ เพราะเกรงว่าเวลาไปหยิบจับสิ่งของที่สกปรกจะไม่เป็นการเหมาะสม จะนำไปตัดขาแหวนออก เอาเฉพาะ หัวแหวน ที่เป็นรูป หลวงพ่อทวด ไปเลี่ยมจับขอบทองแทน เพราะมีขนาดเล็กกะทัดรัดน่ารักมาก เหมาะสำหรับเด็กและผู้หญิง ทุกวันนี้ หัวแหวนหลวงพ่อทวด กลายเป็นของหายาก วันนี้ ชัยนฤทธิ์ เพชรพันธุ์ทอง ฝากภาพมาให้ชมเป็นวิทยาทาน เพื่อให้ทราบ หัวแหวนหลวงพ่อทวด ดังกล่าวมีลักษณะเป็นเช่นใด หัวแหวนหลวงพ่อทวด ที่เห็นนี้เป็นของปี ๒๕๐๘ ด้านหลังเรียบ...นับเป็นวัตถุมงคลอีกชิ้นหนึ่งในสาย หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ที่น่าสนใจสะสมเป็นอย่างยิ่ง
** หลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้วิเศษรูปหนึ่งของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตามตำนานกล่าวว่า เดิมท่านชื่อ มาก หรือ บุญมาก เป็นชาวชุมพร แต่ไม่ปรากฏแน่นอนว่า ท่านมีถิ่นฐานอยู่ที่ไหน ท่านเกิดในราวปีมะเส็ง พ.ศ.๒๓๐๔ สมัยแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศน์ กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย บวชเป็นพระในราว พ.ศ.๒๓๒๔ หลังจากนั้นท่านได้ธุดงค์มาจนถึง เมืองกุยบุรี ประมาณ พ.ศ.๒๓๔๐ ขณะนั้น วัดกุยบุรี กำลังว่างเจ้าอาวาสปกครองวัด เจ้าเมืองกุยบุรี และชาวบ้านจึงได้นิมนต์ขอให้ท่านรับเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดกุยบุรี…เมื่อหลวงพ่อว่างจากภารกิจต่างๆ ของวัดแล้ว ท่านจะบำเพ็ญภาวนาเป็นประจำ เล่ากันว่า บางครั้งท่านจะเข้าสมาธิเจริญวิปัสสนาอยู่แต่ในกุฏิตลอด ๗ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง โดยไม่ลุกไปไหนเลย ด้วยเหตุนี้จึงมีคำเรียกท่านว่า “หลวงพ่อในกุฏิ” ตลอดมา จนชื่อเดิมของท่านได้เลือนหายไป...เหรียญหลวงพ่อในกุฏิ ปี ๒๔๙๖ เป็นการสร้างขึ้นมาในภายหลัง แต่มีความศักดิ์สิทธิ์ในทุกด้าน และเป็นเหรียญยอดนิยมเหรียญหนึ่งของวงการนักสะสมเหรียญ เจ้าของเหรียญนี้ คือ รศ.จิรพัฒน์ เงาประเสริฐวงศ์ อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ส่งภาพมาให้คอลัมน์นี้บ่อยนัก แต่ก็ตามเก็บพระหลักยอดนิยมอยู่เสมอ
** เก็บตกจากเรื่อง พระคง กรุช้างค้ำ จ.เชียงใหม่ ที่ลงไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในเรื่องนี้ได้เขียนถึง พระคง พระเลี่ยง พระสาม พระสิบสอง และ พระพิมพ์พุทธคยา สร้างขึ้นเมื่อราว ๘๐๐-๙๐๐ ปีก่อน สมัยอาณาจักรหริภุญชัยตอนปลาย พอดีเนื้อที่ไม่พอ ลงภาพประกอบไม่ครบ จึงขอนำมาลงในวันนี้แทน คือ พระเลี่ยง และ พระสามหอม เป็นพระของ เต้ สยามโบราณ คนรุ่นใหม่ผู้ชำนาญ พระกรุเชียงใหม่ โดยตรง **
พระมณเฑียร 
