ผู้ที่เป็นนักพระเครื่อง หรือเซียนพระ ในทุกวันนี้ มีหลายคนที่มาจากวิศวกรมาก่อน และหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ สมเกียรติ บุญเสรฐ หรือที่วงการพระรู้จักกันในนาม "เวกัส" เศรษฐีพระหลวงพ่อทวด ผู้สะสมพระหลวงพ่อทวด รุ่นที่นิยมกันมาก และมีราคาหลักหมื่นหลักแสนขึ้นไป มากที่สุดในชั่วโมงนี้
"แท้จริงแล้ว ผมเป็นชาวพิจิตร สมัยเด็กๆ ได้พบเห็นพระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ของคุณพ่อมาบ้างแล้ว เพราะคุณพ่อเป็นนักสะสมพระ เช่นเดียวกับเพื่อนบ้านทั้งหลาย ซึ่งสมัยนั้นล้วนมีพระหลวงพ่อเงินด้วยกันทั้งนั้น และพระที่ผมใช้ติดตัวสมัยเด็กก็เป็นพระหลวงพ่อเงิน แต่เป็นพระที่สร้างโดยพระเกจิอาจารย์รุ่นหลัง ซึ่งชาวพิจิตรนับถือว่า จะเป็นรุ่นไหนก็ได้ ขอให้เป็นพระหลวงพ่อเงินก็แล้วกัน ศักดิ์สิทธิ์เหมือนๆ กัน" เวกัส เล่าย้อนอดีตที่ผ่านมา
เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาที่ จ.พิจิตร แล้ว เวกัสก็เดินทางเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ สายอาชีวะ จากนั้นไปต่อสายวิศวไฟฟ้า จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (บางมด) จนเรียนระดับปริญญาตรี เมื่อปี ๒๕๓๔ สมัครทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้าง
ช่วงที่ทำงานก่อสร้างตึกใบหยก ๒ ที่ประตูน้ำ ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในเมืองไทย วันหนึ่ง เห็นเพื่อนร่วมงานพอมีเวลาว่างก็มักจะหยิบเอาหนังสือพระเครื่องขึ้นมาอ่านด้วยความสนใจอย่างจริงจัง จึงขอยืมมาอ่านบ้าง ทำให้รู้ว่า พระเครื่องเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย มีการเช่าบูชาพระเพื่อขายต่อ หรือเพื่อการสะสม นอกเหนือจากความศักดิ์สิทธิ์ในองค์พระ ที่สามารถคุ้มครองป้องกันภัยได้ด้วย
เมื่อความสนใจมีมากขึ้น จึงได้ซื้อหนังสือพระด้วยตนเอง ศึกษาหาข้อมูลต่างๆ จากหนังสือทุกเล่มที่ซื้อมาหลายเล่ม จนเกิดความสนใจเหรียญหลวงพ่อทวด ที่ลงโษณาขายในหนังสือพระเล่มหนึ่ง จึงไปติดต่อซื้อเหรียญดังกล่าวที่ร้านพระบนห้างพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ เป็นเหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นสาม ๒ จุด เลี่ยมทอง ราคา ๗,๕๐๐ บาท นับเป็นเหรียญแรกในชีวิตที่ซื้อด้วยเงินของตัวเอง ต่อมาซื้อเหรียญรุ่นปี ๒๕๐๘ ที่เรียกว่ารุ่น "ทะเลซุง" และเป็นที่น่ายินดีที่เหรียญทั้ง ๒ อันนี้เป็นเหรียญแท้ทั้งคู่
ที่สนใจเหรียญหลวงพ่อทวด เวกัสบอกว่า เพราะมีราคาไม่แพง อยู่ที่หลักพันก็เช่าได้แล้ว
จากการอ่านประวัติของหลวงพ่อทวด ทำให้เวกัสสนใจพระหลวงพ่อทวดมากขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถท่องคาถาของท่านได้ด้วย ที่ว่า...นะโม โพธิสัตโต อะคันติมายะ อิติภะคะวา ... สั้นๆ ทำให้จำได้ง่าย แต่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะตั้งแต่ได้นิมนต์เหรียญหลวงพ่อทวดมาขึ้นคอ และท่องคาถาดังกล่าว เวกัสบอกว่า ไม่เคยประสบเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ เลย
การที่ไม่ประสบเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุด
เวกัส กล่าวว่า "ผมโชคดีที่ก้าวย่างครั้งแรก ก็ถูกทาง พบคนดี เล่นพระดี พระที่ให้เช่าจึงเป็นพระแท้ ตรงนี้สำคัญมาก หากเช่าพระองค์แรกก็ได้พระปลอม เราจะใจเสียทันที เพราะต้องเสียเงินแท้ๆ แต่ได้พระปลอม มันไม่ยุติธรรมเลย หากโดนบ่อยๆ ก็ต้องหันหลังให้กับวงการพระทันที เพราะจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อผู้คนในวงการนี้"
จากการที่ได้ เหรียญแท้องค์จริง มาใช้ติดตัว เวกัสบอกว่าก็ได้อาศัยเหรียญทั้ง ๒ นี้ส่องดูหาจุดสำคัญต่างๆ จนสามารถจดจำได้หมด จากนั้นก็ไปเช่าเหรียญรุ่นอื่นๆ มาอีก เท่าที่กำลังเงินจะอำนวยให้ได้
เวกัส บอกว่า การเช่าพระหากมีเงินจำกัด ขอให้เริ่มที่พระราคาถูก อาจจะไม่สวยก็ไม่เป็นไร ขอให้แท้ก็แล้วกัน โดยหาเช่าจากคนที่เชื่อถือได้ ซึ่งพอจะสอบถามกันได้ในวงการพระ คนไหนเล่นพระดี คนไหนเล่นพระปลอม ปกปิดกันไม่ได้ เราก็เช่าจากคนที่ขายพระแท้ แล้วเอามาศึกษาอย่างละเอียด เมื่อต้องการเหรียญรุ่นอื่นที่สวยกว่า แพงกว่า เราก็เอาเหรียญที่ได้มาก่อนปล่อยออกไป แล้วเอาเงินมาซื้อเหรียญที่ต้องการ วิธีนี้จะทำให้เราสามารถจดจำเหรียญแท้ได้มากขึ้น
การเริ่มต้นจาก เหรียญหลวงพ่อทวด ก็เพราะมีมากมายหลายรุ่น ที่มีราคาไม่แพง และสามารถเลือกเช่าหาได้ตามกำลังเงิน
"ขณะเดียวกัน เหรียญหลวงพ่อทวด ก็มีความขลังความศักดิ์สิทธิ์ที่ดีมาก ใช้คุ้มครองได้ทุกอย่าง คุณภาพเหลือล้นจริงๆ ตั้งแต่ได้เหรียญหลวงพ่อทวดมาใช้แล้ว ชีวิตมีแต่ความเจริญก้าวหน้าขึ้นมาก" เวกัส กล่าวอย่างมั่นใจ
การศึกษาเรื่องพระ เวกัสบอกว่า "ผมเรียนรู้เอง ไม่มีครูบาอาจารย์คนไหนสอนให้ คนในวงการพระส่วนใหญ่เขาไม่สอนให้กัน เพียงแค่เขาเอาพระแท้เหรียญแท้ให้ส่องหาความจริงเอาเอง ก็เป็นพระคุณอย่างสูงแล้ว รายละเอียดอื่นๆ คุณต้องหาเอาเอง จากพระองค์ที่ให้ดูนั่นแหละ"
พอศึกษาเหรียญหลวงพ่อทวด ได้จนจดจำได้แล้ว เวกัสบอกว่า ก็เขยิบขึ้นเป็น พระหลวงพ่อทวด รุ่นหลังตัวหนังสือ จากก้าวขึ้นไปรุ่นหลังเตารีด รุ่นปั๊มซ้ำ รุ่นบัวรอบ และพระเนื้อว่าน รุ่นแรก ปี ๒๔๙๗ ช่วงนั้นเงินเดือนที่ได้มา ส่วนใหญ่จะเอาไปเช่าพระหลวงพ่อทวด จนเกือบหมด ต้องอดออมรายจ่ายด้านอื่นๆ เอาไว้ก่อน เพราะจิตใจรักชอบพระหลวงพ่อทวดเป็นพิเศษ
ต่อมา เวกัส หันไปเช่าพระบนศูนย์พระดัง คือที่มณเฑียรพลาซ่า ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นพระแท้ แม้ว่าจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็คุ้มค่า เมื่อเทียบกับคุณค่าขององค์พระ และหลักประกันที่ทางร้านมอบให้ หากเป็นพระปลอมยินดีรับคืนอย่างไม่มีเงื่อนไข ย่อมสร้างความสบายใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้นด้วย
จากการขึ้นไปซื้อพระบนชมรมฯมณเฑียรพลาซ่า ทำให้เวกัสเป็นที่รู้จักกันดีในบรรดาเซียนพระรุ่นใหญ่ ว่าเขาเป็นนักซื้อมือหนัก ซื้อพระดี ไม่มีลวดลาย ตรงไปตรงมาดี โดยซื้อแต่พระหลวงพ่อทวดองค์ที่สวยคมชัดเท่านั้น ช่วงนั้นมีรายได้พิเศษจากการทำงานนอกเวลา จึงมีเงินมากพอสมควร
ข่าวการซื้อพระหนักของเวกัส เข้าถึงหู ป๋อง สุพรรณ เซียนพระรุ่นใหญ่ ซึ่งชอบขึ้นไปเดินไปชมรมฯมณเฑียรเหมือนกัน ทำให้มีโอกาสรู้จักกับเซียนป๋องไปด้วย เลยได้ซื้อพระหลวงพ่อทวดองค์สวยจากเซียนป๋อง
องค์แรกที่ซื้อมีเงินไม่พอ เซียนป๋องบอกว่า เอาไปก่อนได้เลย ให้เวกัสเอาพระหลวงพ่อทวดราคาหลายแสนบาทไปก่อน ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเวกัสมีบ้านมีที่ทำงานอยู่ที่ไหน ช่างใจถึงจริง...เวกัสจึงนับถือในน้ำใจของเซียนใหญ่ท่านนี้เป็นอันมาก
จากนั้นมาเวกัสก็ซื้อพระหลวงพ่อทวดเป็นส่วนใหญ่ พร้อมกับขึ้นไปหาที่ชมรมพระเครื่องมรดกไทย บนห้างพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วานเป็นครั้งแรก และบ่อยขึ้นในเวลาต่อมา
เวกัส บอกว่า "พระส่วนใหญ่ที่ผมซื้อมา ตั้งใจจะสะสมเอาไว้เพื่อการศึกษา ไม่คิดที่จะขายต่อ ขณะเดียวกันก็อยากอวดพระให้คนอื่นดูบ้าง เลยซื้อเนื้อที่ในเว็บไซต์ Uamulet เพื่อโชว์พระหลวงพ่อทวดที่มีอยู่ ปรากฏว่ามีผู้สนใจขอซื้อต่อ ตอนแรกๆ ก็ไม่ได้ขาย แต่คนซื้อขอร้องกันมากๆ ก็เลยตัดสินใจขายไปบ้างเป็นบางองค์ ปรากฏว่ามีกำไรดี จึงหาพระมาเปิดการซื้อขายบนเว็บบ่อยขึ้น จนเป็นที่รู้จักของผู้สนใจพระหลวงพ่อทวดอย่างกว้างขวาง ซื้อของ 'เวกัส' เป็นยูสเซอร์เนมที่ใช้ในเว็บที่มีคนรู้จักกันมาก ผมจึงใช้ชื่อนี้มาโดยตลอด"
จากการซื้อขายพระบ่อยๆ ทำให้มีรายได้ดี กำไรมากกว่าเงินเดือนหลายเท่า ในที่สุดเวกัสก็เลยเลิกอาชีพวิศวกร หันมาเอาดีทางซื้อขายพระอย่างจริงจัง โดยการเช่าร้านบนชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน โซนใหม่ด้านบันไดเลื่อน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๒ นี้เอง
ขณะเดียวกัน ก็ได้ร่วมงานกับเซียนป๋องบริหารเว็บไซต์ www.amatasiam.com อีกทางหนึ่งด้วย เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการซื้อขายพระได้กว้างขึ้น โดยมีลูกค้าที่สั่งซื้อพระมาจากต่างประเทศมากขึ้น
เพราะมีความสนใจแต่พระหลวงพ่อทวดเป็นหลัก ณ เวลานี้ เวกัสบอกว่า มีพระหลวงพ่อทวดรุ่นหลักยอดนิยมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเบตง เลขใต้ฐาน รุ่นหลังเตารีด เนื้อทองผสม และเนื้อนวโลหะ อย่างละกว่า ๑๐ องค์ โดยเฉพาะเนื้อนวโลหะ "ฉ" มีหลายองค์ และรุ่นอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่าประมาณ ๔๐-๕๐ ล้านบาท และหากจะรวมกับที่ออกไปบ้างแล้วในช่วง ๒ ปีนี้จะมีมูลค่าประมาณ ๑๐๐ ล้านบาท นับได้ว่าเป็น เศรษฐีพระหลวงพ่อทวด ตัวจริงก็ได้
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในวงการพระ ทำให้เวกัสเรียนรู้หลักในการสะสมพระได้เป็นอย่างดี และพร้อมที่จะให้คำปรึกษาแนะนำแก่คนรุ่นใหม่ ที่เพิ่งหันมาสะสมพระสายนี้ด้วยความยินดี สอบถามได้ที่โทร.๐๘-๔๐๗๒-๑๖๖๖
พระมณเฑียร 
